
บริษัท เซ่งเจี่ย เครื่องจักรอุตสาหกรรม จำกัด
เซ่งเจี่ยก่อตั้งขึ้นในปี 1989 ปัจจุบันเป็นหนึ่งในห้าผู้ผลิตเครื่องมือไฟฟ้า DIY รายใหญ่ที่สุดในไต้หวัน เชี่ยวชาญในการผลิตและวิจัยและพัฒนาเครื่องเลื่อยวงเดือนแท่นตัดไม้และเครื่องตัดโลหะคุณภาพสูง ผลิตภัณฑ์จัดจำหน่ายไปทั่วโลก และได้รับชื่อเสียงที่ดีจากลูกค้าด้วยคุณภาพและบริการที่เป็นเลิศและน่าเชื่อถือ พร้อมกันนี้ยังได้สร้างความสัมพันธ์แบบร่วมมือกับแบรนด์ OEM ที่มีชื่อเสียงระดับโลกอีกมากมาย
เครื่องมือไฟฟ้า DIY, เครื่องเลื่อยวงเดือนแท่นตัดไม้, เครื่องตัดโลหะ, เครื่องตัดแบบพกพา, เลื่อยสายพาน, เครื่องไสไม้, เครื่องมืองานไม้ และการผลิตมอเตอร์และงาน CNC ประเภทต่างๆ เป็นต้น
การผลิตปัญหาคอขวด
1.การรายงานชั่วโมงการทำงาน ต้องอาศัยการกรอกด้วยตนเอง ข้อมูลไม่ทันเวลาและไม่สะดวกต่อการวิเคราะห์และสถิติ
2.แบบฟอร์มการผลิตถูกจัดเก็บแยกกันโดยแต่ละหน่วยงาน ข้อมูลไม่สามารถเชื่อมโยงกันได้
3. การจัดทำบันทึกการผลิตด้วยกระดาษและ Excel ทำให้ยากต่อการค้นหาและตรวจสอบย้อนกลับ เมื่อได้รับการตรวจสอบจากลูกค้าหรือมีประเด็นด้านการจัดการภายใน การจัดระเบียบข้อมูลเป็นเรื่องยาก
4.คุณภาพกระบวนการผลิตไม่ดี ตรวจพบได้ยากในทันที
5.ข้อมูลการผลิตไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องตรงกันได้ ต้องใช้แรงงานคนและเสียเวลาในการจัดระเบียบ
6. ข้อมูลหน้างานไม่โปร่งใส บุคลากรไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์ได้ทันที
ข้อมูลการผลิตรายวัน
สามารถตรวจสอบและวิเคราะห์ปริมาณการผลิตรายวันของแต่ละสายการผลิตได้
ตารางแสดงปริมาณการผลิตของแต่ละสายการผลิตในแต่ละช่วงเวลา
สามารถตรวจสอบและวิเคราะห์ปริมาณการผลิตของแต่ละสายการผลิตในแต่ละช่วงเวลาได้
ตารางบันทึกประวัติการซ่อมแซมตามหมายเลขซีเรียล
สามารถวิเคราะห์บันทึกการจัดการซ่อมแซมตามหมายเลขซีเรียลจากสาเหตุการจัดการและตำแหน่งงานได้
โครงการผลสำเร็จ
เซ่งเจี่ย แมชชีนเนอรี่ เริ่มต้นโครงการให้คำปรึกษาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2020 ในระหว่างโครงการให้คำปรึกษา ได้รับความอนุเคราะห์จากผู้บริหารหน่วยงานต่างๆ และทีม MES ของเซ่งเจี่ย แมชชีนเนอรี่ ในการให้ความร่วมมือและความพยายาม สายการผลิตนำร่องหนานกังได้รับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม 2020 และสายการผลิตอื่นๆ ในหนานกังก็ทยอยเปิดตัวตามมาอย่างต่อเนื่อง ณ เดือนมิถุนายน 2021 สายการผลิตทั้งหมดในหนานกังได้รับการเปิดตัวแล้ว บรรลุเป้าหมายของการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในไซต์งานผลิตในระยะเริ่มต้น ประโยชน์เชิงปริมาณหลักคือการประหยัดต้นทุนด้านแรงงานได้ประมาณ 1.78 ล้านบาทต่อปีผ่านการรายงานผลการปฏิบัติงานอัตโนมัติด้วย RFID